ขบวนแห่ด่าวจำนวน 200 คัน | เทศกาลคริสต์มาสครั้งใดเรามักได้เห็นแสงไฟหลากสี ประดับประดาระยิบระยับสว่างไสวอยู่บนต้นคริสต์มาส เสียงเพลงจิงเกิลเบลล์และภาพลุงแซนต้ากับเหล่ากวางเรนเดียร์ มีให้เห็นกันทุกสถานที่ในเมืองใหญ่ แต่อีกเสี้ยวมุมหนึ่งในเมืองไทยในค่ำคืนวันเวลาแห่งความสุข แสงไฟจากดาวดวงน้อย กลับปลุกชีวิตผู้คนในหมู่บ้านเล็กๆ ให้ออกมารวมตัวกันเพื่อสานต่อความเชื่อและความศรัทธา บ้านท่าแร่ |
บ้านแบบโบราณที่ยังอนุรักษ์ไว้ | อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ชุมชนเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ผู้คนที่นี่กว่าร้อยละ 90 ที่นับถือคริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาทอลิก และมีจำนวนมากที่สุดในภาคอีสานประวัติการตั้งชุมชนเริ่มจากชาวญวนคริสตัง และชาวไทญ้อในสมัย รัชกาลที่ 5 พากันอพยพจากตัวเมืองสกลนคร มาตั้งรกรากที่นี่ เพื่อรวบรวมกลุ่มคนที่ศรัทธาพระเยซูคริสต์ให้มาอยู่รวมกันเป็นหลักแหล่งแต่เดิมสถานที่แห่งนี้เรียกกันว่า "หินแฮ่" เพราะสภาพ |
พื้นที่เต็มไปด้วยป่าไม้และหินลูกรังปัจจุบันชุมชนท่าแร่ มีผังเมืองเป็นระเบียบสวยงามมีถนนตัดขวางกันไปมาเป็นสี่เหลี่ยมตารางหมากรุกคล้ายบ้านเมืองในแถบยุโรป สถาปัตยกรรมของชุมชนท่าแร่มีทั้งอาคารไม้และปูน บ้านบางหลังมีทั้งรูปแบบตะวันตกผสมศิลปะเวียดนาม ซึ่งไม่พบเห็นบ้านเรือนลักษณะนี้มากนักในภาคอีสานชาวชุมชนท่าแร่เคร่งครัดในการปฏิบัติศาสน | |
กิจมาตั้งแต่ครั้งบรรพชนศูนย์กลางของคริสศาสนิกชนที่นี่ คือวัดอัครเทวามีคาแอล วิถีชีวิตของชาวบ้านเป็นแบบเรียบร้อย อาศัยร่วมกันแบบญาติพี่น้อง พึ่งพาอาศัยแบ่งปันซึ่งกันและกัน ความเคารพผู้อาวุโสและผู้นำหมู่บ้าน ประเพณีที่โดดเด่นของชาวคริสต์ท่าแร่ ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ว่ากันว่ามีเพียงแห่งเดียวในโลกและหนึ่งเดียวในเมืองไทย นั้นคือ "ประเพณีแห่ดาว" ในวันคริสต์มาสตามตำนานเล่าว่า ช่วงเวลาที่พระเยซูประสูตเหล่าบรรดาโหราจารย์ ได้มองเห็นดาวลักษณะ พิเศษดวงหนึ่งที่มีความสุกสว่างกว่าดาวทั่วไป ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเป็นที่น่าอัศจรรย์ พวกเขาจึงดั้นด้นติดตามดาวดวงนั้นจนไปพบกับสถานที่ประสุตริของพระเยซูนับแต่นั้นมาชาว | |
รถขบวนแห่ดาว | คริสต์ถือว่า "ดาว" คือสัญลักษณ์ของการเสด็จลงมาประสูติบนโลกมนุษย์ของพระเยซู เพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งสำคัญครั้งดังกล่าว ในทุกค่ำคืนวันที่ 24 ธันวาคม ของทุกปี ชาวคริสต์ ชุมชนท่าแร่ จะมีประเพณีเดินถือดาวประดิษฐ์ที่ภายในจุดเทียนสว่างไสว แห่แหนไปรอบโบสถ์ พร้อมขับร้องเพลงฉลอง |
เรือที่ประดับด้วยดวงไฟรูปดาว | คริสต์มาสสลับกับการสวดภาวนาส่วนในค่ำคืนวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคริสต์มาสชาวท่าแร่จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ญาติพี่น้องที่ไปทำงานต่างถิ่นจะกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ช่วยกันประดิษฐ์ดาวดวงใหญ่ เข้าร่วมขบวนแห่กันอย่างสนุกสนาน ประเพณีแห่ดาวนี้ นอกจากจะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ให้อนุชนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงวันสำคัญทางศาสนาแล้ว การแห่ดาวเป็น |
การสร้างสามัคคีและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคริสต์ศาสนิกชนในชุมชนท่าแร่สำหรับดาวประดิษฐ์ที่ใช้ในขบวนแห่เป็นฝีมือของผู้เฒ่าผู้แก่ชาวบ้านท่าแร่ที่มากด้วยประสบการณ์ ก่อนวันงานทุกคนต่างขะมักเขม้นเหลาไม้ไผ่ เพื่อนำมาผูกมัดทับไขว้กันเป็นโครงไม้รูปดาว ก่อนจะใช้ความประณีตติดกระดาษแก้วหลากสีอย่างวิจิตรบรรจงจนสำเร็จเป็นโคมไฟรูปดาว | |
จากนั้นจะนำไปประดับบ้านเรือนและเข้าร่วมขบวน แห่ที่ยิ่งใหญ่ในอดีตการแห่ดาวของชาวบ้าน มีเพียงการเดินแห่รอบวัดเท่านั้น กระทั่ง 20 ปีให้หลังมานี้ จึงริเริ่มมีการประกวดตกแต่งดาวประดิษฐ์ขึ้นให้งดงาม ตระการตาและจัดให้มีขบวนแห่รอบหมู่บ้าน ทั้งรถสามล้อปั่นและรถจักรยานยนต์ จนมาถึงการใช้รถ | |
ยนต์ ที่ตกแต่งด้วยโคมไฟรูปดาดวงใหญ่ ซึ่งบรรจงรังสรรค์จากภูมิปัญญาของชาวบ้านจรกลายเป็นศิลปะที่ทรงคุณค่าปัจจุบันการแห่ดาวของชมชนท่าแร่ ได้ เปิดให้คริสต์ศาสนิกชนจากชุมชนต่างๆใน 4 จังหวัด จังหวัดคือ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร และกาฬสินธุ์ ซึ่งอยู่ในการดูแลของมิสซังคาทอริก ท่าแร่-หนองแสง รวมทั้งพี่น้องคริสเตียนจากทั่วโลก และพี่น้องชาวไทยในทุกศาสนาร่วมขบวนแห่ดาวด้วย ส่งผลให้ขบวนรถยนต์แห่ดาวที่เคยมีเพียง 20-30 คันในอดีต มาถึงวันนี้ มีรถยนต์เข้าร่วมขบวนแห่ดาวมากกว่า 200 คันเข้าไปแล้วแสงสีในค่ำคืนแห่งความสุขของชาวชุมชนท่าแร่ อาจเทียบไม่ได้กับ | |
สงสีในเมืองใหญ่ๆ แต่แสงดาวดวงน้อยๆ ของคนที่นี่ จะยังคงส่งสว่างอยู่นานเท่านาน ตราบเท่าที่วิถีแห่งศรัทธายังดำรงอยู่ในใจของลูกหลานชาวท่าแร่ทุกคน http://www.sakonnakhon.go.th | |
วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553
เที่ยวงานแห่ดาวที่สกลนคร
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น